ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สคริป Vcd สืบสานธรรม

พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

จังหวัดอุดรธานี
วัดป่าบ้านตาด คือ สัญลักษณ์ของหัวใจที่มีแต่การให้
เมตตา เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ นี่คือหัวใจหลัก
ของอดีตเจ้าอาวาส วัดป่าบ้านตาด






ผู้ยิ่งใหญ่ และเป็นผู้ครองจิตใจ
ของคนไทยทั้งชาติ
ทุกลมหายใจของท่าน คือ 
การให้ อนุเคราะห์ช่วยเหลือ
จนสุดท้ายร่างกายไร้วิญญาณของท่าน
ยังมอบคืนให้ลูกหลานชาวไทย 
ให้เป็นประโยชน์สูงสุด 
คือ เงินจากงานศพท่าน
ให้นำไปซื้อทองเข้าคลังหลวง
ไว้เป็นทุนสำรองของชาติไทยต่อไป
เมื่อครั้งท่านมีชีวิต 
วัดต่าง ๆ โรงพยาบาลต่างๆ
ประชาชน องค์กรไหน หน่วยงานใด
ล้วนได้รับความเมตตาจากท่านโดยถ้วนหน้า
 สิ้นองค์พระหลวงตาแล้ว โลกาสั่นสะเทือน
โอ้หนอองค์พ่อธรรมผู้ให้ เมื่อจากไกล
ไปลับไม่กลับหวน แผ่นดินสะท้าน
แผ่นฟ้าสะเทือน จักให้เหมือนเดิมได้ คงไม่มี
นับแต่นี้ไป...ลูกหลาน
ฝากหัวใจ อาลัยไท้ เทิดไว้  ณ เจดียสถาน
แทนหัวใจของลูกหลานชาวไทยทุกดวง  
เทิดไท้ ด้วยหัวใจ สุดบูชา
แด่องค์พระหลวงตา  
ของลูกหลานชาวไทยทั้งปวง
ในโอกาสนี้ ขอเชิญชวนชาวไทยทุกท่าน
น้อมบูชา เทิดสักการะคุณ  องค์พระหลวงตา
สละทรัพย์และหัวใจ  น้อมเทิดไทบูชาธรรม
ร่วมสร้างเจดีย์ถวายเป็นพุทธบูชา
บูชาธรรม บูชาคุณของท่าน  
ที่มีต่อแผ่นดิน และลูกหลานชาวไทย

ถวายบูชาธรรม บูชาคุณ ร่วมสร้างเจดีย์
พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน 
วัดป่าบ้านตาด
ร่วมกับพระหลวงปู่ลี กุสลธโร
ณ วัดภูผาแดง ต.หนองอ้อ 
อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

Vcd สืบสานธรรม 1




Vcd สืบสานธรรม 2


คืนที่พระหลวงตามหาบัว จากไป 

คืนวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม เวลา 3 นาฬิกา 53 นาที

โอ้หนอ องค์พ่อเจ้า เสด็จเข้าอนุปาทิเสสนิพพาน 
แผ่นดินสะเทือน แผ่นฟ้าสะท้าน 
ยามราตรีกาลผ่านมาใกล้ 
เฝ้าร้องไห้คร่ำครวญ หวนคิดถึง 
ถึงอยากดึงร่างท่านไว้ ไม่ให้พรากไม่ให้จาก 
อยากเฝ้ามองจ้องแลหา 
เฝ้ากราบกรานถึงคุณท่านที่ผ่านมา 
อยากตามหาร่องรอยองค์จอมธรรม 
อกสะท้าน จิตร่ำไห้ ใจสะอื้น 
ไกลสิบหมื่น แสนลี้ หนีห่างหาย 
โอ้นี่หรือ คือธรรม ที่ไม่ตาย 
องค์สุดท้าย องค์พ่อเจ้า เข้านิพพาน 
ธรรมคงอยู่ คู่ฟ้าดินสลาย 
ธรรมไม่ตาย ไปตามองค์ ผู้ทรงศีล 
ได้แต่ย้ำ บอกหัวใจ ที่ไหม้ริน 
ทุกข์ไม่สิ้น จวบวันตาย ไม่ห่างธรรม 
ขอยกเท้าขององค์ท่านไว้เหนือหัว 
กราบคุณท่าน ที่ท่วมท้น สุดคณา 
ท่วมแผ่นฟ้า ท่วมแผ่นดิน ท่วมหัวใจ 
ยามสิ้นท่าน เหมือนหัวใจไกลหลุดลอย 
ยากจะสอยให้กลับมาเหมือนเดิมได้ 
ตะวันลับ เคลื่อนคล้อย ยังคอยกลับ 
องค์พ่อเจ้า ไกลลับไม่กลับหวน 
ถึงอกตรม ตรอมจิต ความผิดหวัง 
ถึงอกไหม้ สะอื้นไห้ 
ไม่มีองค์พระผู้ทรงสละให้ทั้งแผ่นดิน 
องค์ธรรมไท้ คงไม่ฟื้นคืนให้เห็น 
ฝูงนกกา ขาดที่พึ่ง เคยพักพิง 
ถูกทิ้งดิ่ง ไร้จุดหมาย ตายทั้งเป็น 
ทูลเหนือเกล้า ทูลกระหม่อม 
จอมธรรมแท้ ไร้องค์ท่าน สั่นสะท้านทั้งแผ่นดิน 
เหมือนสูญสิ้นหลักของใจ ไหม้มลาย 
ธรรมไม่ตายฝังไว้ในดวงจิต 
ธรรมสถิตตามติดทุกแห่งหน 
มีพุทโธแทนองค์ท่านยามค่ำคืน 
พร้อมกับกลืนเสียงสะอื้นในหัวใจ 
ยามร่ำไห้ คิดถึงไท้เกล้าเหนือหัว 
น้ำตาพรากอาบหน้า ตาพร่ามัว 
ขอยกองค์เหนือหัว เกล้าจอมธรรม 
ขอกราบลงแทบเท้า เกล้าจอมธรรม 
เกล้าผู้นำ ที่อาจอง ทรงศักดิ์ศรี 
ทำความดี เป็นตัวอย่าง ไม่ค้างคา 
จุติมา เพื่อโปรดโลก ที่โศกตรม 
มีแต่ให้ จิตใหญ่ยิ่ง ทิ้งสงสาร 
เสด็จผ่าน ณ ที่ใด ใครได้เห็น 
ดับทุกข์ให้คนเข็ญใจสุดลำเค็ญ 
ความจำเป็น รับเอาไว้ ในอกเอง 
คุณของท่าน พรรณนาหาไหนเปรียบ 
สุดจะเทียบ เปรียบคุณของท่านได้ 
สุดยิ่งใหญ่ จะหาใครได้ที่เหมือน 
ยอมเฉือนเนื้อหัวใจ ให้ส่วนรวม 
องค์ผู้ให้ จากไกลไปจากโลก 
สุดเศร้าโศก ท่านทิ้งไป ไม่เหลียวหลัง 
ขอเกาะไว้ เสียงที่ดัง ก่อนสั่งลา 
จะไม่มา มีภพชาติ อีกต่อไป...


.................................................................................................




คณะผู้จัดทำขอถวายบูชาคุณ
พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ถวายบูชาคุณพระหลวงปู่ลี กุสลธโร

ถวายบูชาคุณพระคุณแม่จันดี โลหิตดี

พระคุณแม่จันดี เมตตาบอกกล่าวแก่ศิษย์

หัวใจของแม่ อยู่ที่เจดีย์พระหลวงตาวัดถ้ำผาแดง


ถวายหัวใจกราบกราน 1
สร้างเจดีย์พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ณ เจดียสถาน วัดภูผาแดง 



ถวายหัวใจกราบกราน 2
สร้างเจดีย์พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ณ เจดียสถาน วัดภูผาแดง 

  
คำสอน
พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน 
วัดป่าบ้านตาด 

ให้เราคิดถึงครูบาอาจารย์

เป็นผู้มีบุญคุณอยู่บนหัวใจ

หรืออยู่บนกระหม่อมจอมขวัญของเราเสมอ

อย่าได้ลืม อย่าได้ลบหลู่ดูหมิ่น

เราจะเป็นผู้เจริญในอนาคต...


 พระคุณของพ่อแม่ครูบาอาจารย์

แผ่นดินแผ่นฟ้ายกมาคงไม่เทียบคุณของท่านได้

ประโยชน์มากมายท่านทำไว้ให้ลูกหลาน

ท่านยอมทุกข์ ยอมทนทุกอย่างเพื่อกุลบุตรลูกหลาน

เพื่อยังพระศาสนา หัวใจที่มีแต่ให้ของท่าน

น้ำใจของท่านเต็มแผ่นดิน

กราบขอบูชาเทิดคุณของท่านไว้ในหัวใจตลอดกาล




        คณะผู้จัดทำขอถวายบูชาคุณ
พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ถวายบูชาคุณพระหลวงปู่ลี กุสลธโร

ถวายบูชาคุณพระคุณแม่จันดี โลหิตดี

พระคุณแม่จันดี เมตตาบอกกล่าวแก่ศิษย์

หัวใจของแม่ อยู่ที่เจดีย์พระหลวงตาวัดถ้ำผาแดง




ประวัติโดยย่อของพระคุณแม่จันดี โลหิตดี

ท่านอายุ 82 ปี (วันพุธที่ 12ก.ย.2473)
คุณพ่อชื่อ นายทองดี คุณแม่แพงศรี โลหิตดี
เกิดที่หมู่บ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
ท่านเป็นน้องสาวพระหลวงตามหาบัว
ญาณสัมปันโน เป็นน้องสาวคนที่ 9 ที่ยังมีชีวิตอยู่
และได้เข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรมที่วัดป่าบ้านตาด
โดยมีพระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ซึ่งเป็นพระพี่ชายและครูบาอาจารย์ของท่าน
เป็นผู้อบรมสั่งสอน
พระคุณแม่จันดี เป็นผู้ที่ออกมาปฏิบัติธรรม
โดยไม่ได้บวช และเป็นผู้ที่เคารพธรรมวินัย ถือแบบ
ปฏิบัติเช่นเดียวกับพระอย่างเคร่งครัด ท่านให้ความ
เมตตาและความอบอุ่น ต่อลูกศิษย์และญาติโยมทั้ง
หลายที่มากราบท่าน ท่านจะให้คำอบรมสั่งสอน
ทั้งที่เป็นการปฏิบัติแก่คนที่มาขอรับฟังคำสอนของ
ท่าน เพื่อนำไปปฏิบัติ หรือคำแนะนำในการใช้ชีวิต
ประจำวัน แม้ธาตุขันธ์ท่านจะไม่แข็งแรง แต่ท่านก็
รับแขก เพื่อจะให้ทุกคนได้รับแต่สิ่งที่ดี และเป็น
ประโยชน์กลับไป
ภายใต้ท่าทางที่ดูสงบ เรียบง่ายและความ
อบอุ่นที่ได้รับ ท่านก็จะมีความเด็ดเดี่ยว เด็ดขาด
จริงจัง จนดูน่ากลัวสำหรับเราผู้อ่อนแอ ดวงตาของ
ท่านเวลาสอนลูกศิษย์ต่อสู้กับศัตรู คือกิเลส ท่านจะ
ดูอาจหาญ ขึงขัง เด็ดเดี่ยว จริงจังมาก ถ้าลูกศิษย์
คนใดจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ท่านก็จะค่อย ๆ ทะนุ
ถนอม แต่ท่านจะเปรยลับหลังลูกศิษย์ผู้นั้นว่า
"กิเลสในใจของตัวเองก็ฆ่ามาแล้ว
นี่ต้องได้มาเอาใจกิเลสของผู้อื่น
โอ๊ย น่าอเนจอนาถ"
การเรียนรู้ศึกษาธรรมกับท่าน ยิ่งเรียนยิ่งซาบ
ซึ้งในคุณของท่าน สำหรับผู้ที่ต้องการความพ้นทุกข์
หรือผู้ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ เมื่อได้เข้ามา
สนทนากับท่าน ก็จะได้รับข้อธรรม และสิ่งที่ดีมี
ประโยชน์ที่ท่านหยิบยื่นให้
เมื่อมาเรียนรู้ศึกษาธรรมกับท่าน จึงได้เห็นแง่
มุมต่าง ๆ ของสติปัญญาพระผู้เหนือโลก ทั้งแปลก ทั้ง
อัศจรรย์ และไม่สามารถคาดเดาได้ ท่านเป็นครูบา-
อาจารย์ ที่น่าศึกษาเรียนรู้ ทางที่ท่านให้เดินและให้
กระทำเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะเป็นการทวนกระแส
โลก และฝืนกิเลสในใจเราทั้งสิ้น จึงเป็นความทุกข์ที่สุด
แต่เมื่อยอมฝืนใจและทำตาม สิ่งที่ได้รับจะเกินความ
คาดหมาย และได้รับประโยชน์สูงสุด

พระคุณแม่จันดี เมตตาธรรม


  
v ความเมตตาและให้อภัยเป็นจิตที่ยิ่งใหญ่

v
ศีล คือ เจตนางดเว้นการทำความชั่วทางกาย
ทางวาจา ทางใจ

v
รู้ที่เกิดจากจิต คือ รู้จริง
รู้ที่เกิดจากสมอง คือ รู้หลอก

v
พุทโธ คือ ยาชะลอความหลง

v
ธรรม คือ ธรรมชาติ ธรรมไม่มีที่หมาย
กาย คือ ลายแทง จิต เป็นขุมทรัพย์

v
คำว่าใช่ หรือ ไม่ใช่
คือ การตั้งค่าของสมมุติ
อยาก และไม่อยาก
คือ ตัวขับเคลื่อน
ของความหลง
อยาก และ ไม่อยาก เรียกว่าตัณหา
สมมุติบัญญัติ คือ การตั้งค่า
สมมุติบัญญัติ เรียนไม่จบสิ้น
เพราะมีการตั้งค่า เช่น ตัณหา

v
น้อมใจไปที่กาย
ดูกาย ดูจิต คือ ที่เดียวกัน
เพราะผู้ดู คือ ผู้รู้ ผู้เดียวกัน
ผู้ฉลาดเรียนรู้จากกาย-จิต
ผู้อยากรู้ผิด เรียนภายนอก

v
ธรรม คือ ประโยชน์
อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ธรรม

v
สมมุติบัญญัติตั้งค่า
๑ ๒ เรียก หนึ่ง-สอง หรือ สิบสอง
ค่าถูกเปลี่ยนไปทันที ตามการตั้งค่า
หรือ ๒ ๑ เรียก สอง-หนึ่ง หรือ ยี่สิบเอ็ด
ค่าถูกเปลี่ยนไปตามสมมุติบัญญัติ การตั้งค่า
หรือ ๐ ศูนย์ ถูกตั้งค่าว่า ไม่มีค่า
แต่เมื่อ ๐ ศูนย์ มาอยู่ หรือ ถูกวางตามตำแหน่งอื่น
ค่าของ ๐ ศูนย์ ก็เปลี่ยนไปทันที
ตามการตั้งค่า หรือสมมุติบัญญัตินั้น ๆ ทันที
ของทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนตกอยู่ภายใต้
กฎของสมมุติที่มนุษย์เป็นผู้กำหนดและตั้งค่าทั้งสิ้น
นอกจากกฎธรรมชาติที่มนุษย์ไม่สามารถ
กำหนดและเปลี่ยนแปลงได้ตามต้องการ
เช่น ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ
ความตาย ความเป็นจริง
ที่อยู่เหนืออำนาจการกำหนดและบังคับของมนุษย์

v
อยาก ไม่อยาก หมาย ไม่หมาย คือ การตั้งค่า
จิตที่ไม่หมาย และ ไม่อยาก
จึงเป็นจิตที่เป็นปกติสุข
เกาะกระแสจิตไปกับพุทโธ

v
ความอดกลั้น
เป็นธรรมเครื่องแผดเผากิเลสอย่างยิ่ง
ความอืดอาด เชื่องช้า เหนื่อยหน่าย
ไม่เคยมีใครได้ดี

v
นักปฏิบัติ
หลงติดอยู่ที่ความพอใจ และไม่พอใจ เป็นเครื่องอยู่
เอาความพอใจ และไม่พอใจเป็นเครื่องอยู่
เมื่อพอใจ ได้สมใจก็เป็นสุข
เมื่อไม่พอใจก็เกิดทุกข์
แต่ทั้งสุขและทุกข์ ก็ยังเป็นเงื่อนของสมมุติ
ไม่มีใครคิดที่จะอยู่ตรงกลาง ระหว่างสุขกับทุกข์
เพราะตรงนั้นไม่มีทั้งความพอใจ และไม่พอใจ
แต่เป็นความพอ พอดี
ผู้ที่หลงเพลิน เล่นอยู่กับความพอใจ และไม่พอใจ
จึงได้หนังสือเดินทางแห่งการท่องเที่ยวของภพชาติ
ติดตัวไปตลอด

v
ความพอใจ และไม่พอใจ
เป็นอาหารชั้นยอดเยี่ยมของกิเลส

v
อยาก เมื่อไม่ได้อย่างที่อยาก ก็เป็นทุกข์
ไม่อยากได้ แต่ได้ ก็เป็นทุกข์

v
ใครจะว่าอะไร ไม่ต้องไปสนใจ
ใครเขาอยากได้อะไร เขาทำอะไร เขาก็ได้สิ่งนั้น
ใครอยากได้อะไร ก็ทำเอา ใครทำอะไร ก็ได้สิ่งนั้น
ไม่ต้องไปสนใจ ฝ่าโลกธรรม ๘ ออกไปให้ได้
เรื่องของโลกธรรม ๘ เรื่องมงคลตื่นข่าว
แตกซ่านกันไปไม่รู้จักจบ ฝ่าให้ได้ ทิ้งให้เร็วที่สุด

v
ผู้ที่ทิ้ง ท่านจึงเบา
ผู้ไม่เอา ท่านจึงสบาย

v
กลิ่นผู้ที่มีศีล มีธรรม
จะหอมฟุ้งกระจาย ไปทั่ว ๓ โลกธาตุ

v
ตายก่อนห่อนรู้ธรรม
ธรรมอยู่ฟากตาย
สละตายจึงได้ธรรม

v
ใจเฮ้ย ใจใคร กายเฮ้ย กายใคร
ผู้ใด กล่าวตู่ ผู้นั้น ยังหลง
หลงแผ่นดิน แผ่นฟ้า ยังไม่น่าห่วง เท่าหลงกายา

v
ตะวัน บ่ายคล้อย คอยกาย สลาย
จิตไม่มี ที่หมาย ตายจม กองทุกข์
เฮ้ย เฮ้ย เหวย เหวย คนอยากลาโลก
ความทุกข์ ความโศก เอาออกไม่ได้
จวบจนวันตาย ที่ไม่หมายต้องเจอ

v
ผู้ที่ภาวนาได้ยาก
เพราะมองออกแต่ข้างนอก
ไม่ดูใจตัวเอง จิตจึงไม่สงบ

v

ผู้ที่มีสติ สังเกตจิตอยู่ตลอด

ไม่เหลือวิสัย มีอยู่ในใจของทุกคน

อย่ากลัวตาย กิเลสมันกลัวตาย

รอดตายจึงได้ธรรม...ให้เอาชีวิตแลกธรรม

v

ผู้ใดหมั่นพิจารณาจิต

ผู้นั้นจะพบธรรมแท้ สุขแท้...

นั้นคือที่สุดของผู้หยุดวัฏฏะ





สคริปธรรม...โดย จรีภรณ์ ผลาพฤกษ์ (จุ๋ม)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วีซีดี เวอร์ชั่น English ตอน 1-2

LUANGTA MAHÃ BUA VCD                  The Path Leading to the Outer Space of the Mind                                     Part One: Dharma that Transcends the World   It is possible that human beings may someday discover an unknown aspect of the universe. But, who will discover that which transcends the universe? The world as we know it is a part of the universe. But Dharma is a natural principle that transcends both world and universe. Dharma has always existed with the world. It cannot be separated from it. Fortunately, the world produced a virtuous-minded person who was able to discover the quintessential nature of perfect harmony called “Dharma”. The pathway leading to Dharma’s essential nature has three main aspects: abstention from unwholesome action, cultivation of wholesome action, and purification of the mind. People must cultivate their minds in order to walk the path that leads to Dharma. Three factors are necessary for this:   Generosity, Moral Virt

Part Four: Luangta Mahã Bua’s Support for the World

                   Part Four: Luangta Mahã Bua’s Support for the World   Wat Pa Baan Taad has remained basically in its original condition since its establishment in 1956. Without electricity, life in the monastery is quite simple. The enormous amount of donations that Luangta Mahã Bua received during that period has been redistributed to support public welfare projects. In regards to spiritual welfare, he has supported the meditative development of monks, novices and lay people by teaching them Dharma. Since 1971, he has made Dharma books and audio tapes available for free distribution. All of his efforts have done an invaluable service to society as a whole. As he himself stated recently: “Beginning in 1956, I have helped the world for 47 years, distributing an amount totaling nearly one billion baht”.   The following is a summary of his donations to various institutions: 1.      Hospitals and health-care centers: approximately 152 million baht 2.      Schools and govern

วีซีดี เวอร์ชั่น English ตอน 3-4

Part Three: The Outer Space of the Mind Whereas mental defilements drag the mind down to a low level, Dharma raises it to the highest possible level, the outer space of the mind. When Luangta Mahã Bua teaches people who practice Dharma, he emphasizes generosity, moral virtue, concentration, wisdom, and the realization of Nibbãna. He teaches that material wealth is not a cause of happiness, because both happiness and suffering arise only in the heart. So we should be content with what we have, and not become overly attached to worldly possessions, because eventually all those things will disintegrate and disappear. Nothing in the world is comparable with Dharma. When Dharma and mind become one, loving-kindness and compassion will make the world a pleasant place to live. Luangta Mahã Bua always stresses the importance of kindness, self-sacrifice, forgiveness, and generous acts of charity. Such noble spiritual qualities will not disappear after death. Luangta Mahã Bua has l